วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ | ว่าง | |
---|---|---|---|---|---|
05 เม.ย. 68 - 12 เม.ย. 68 | 47,990 บาท | 9,900 บาท | 47,990 บาท | 30 | จอง |
12 เม.ย. 68 - 19 เม.ย. 68 | 55,990 บาท | 9,900 บาท | 55,990 บาท | 31 | จอง |
14 เม.ย. 68 - 21 เม.ย. 68 | 55,990 บาท | 9,900 บาท | 55,990 บาท | 31 | จอง |
19 เม.ย. 68 - 26 เม.ย. 68 | 47,990 บาท | 9,900 บาท | 47,990 บาท | 31 | จอง |
28 เม.ย. 68 - 05 พ.ค. 68 | 47,990 บาท | 9,900 บาท | 47,990 บาท | 31 | จอง |
08.00 นัดหมายพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โปรดสังเกตุป้าย เลทส์โกกรุ๊ป พบเจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวกเช็คอินให้แก่ท่าน
11.20 ออกเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบลู ประเทศตุรเคีย โดยสายการบิน TURKISH AIRLINES เที่ยวบินที่ TK 065 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
17.40 เดินทางถึง สนามบินอิสตันบลู ประเทศตุรเคีย และรอต่อเครื่อง
20.30 นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินไกเซรี ประเทศตุรเคีย โดยสายการบิน TURKISH AIRLINES เที่ยวบินที่ TK2232 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
21.55 เดินทางถึง สนามบินไกเซรี ประเทศตุรเคีย หลังจากนั้นนำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) พร้อมออกเดินทางสู่ที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่าง ทะเลดำกับภูเขาเทารุส เป็นพื้นที่พิเศษที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว เกิดจากลาวาที่พ่นออกมา และเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆ นับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่งกรวย (คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยาย จนชนพื้นเมืองเรียกขานกันว่า “ดินแดนแห่งปล่องไฟนางฟ้า” (Fairy Chimney) และในปัจจุบันนี้ก็ยังเลี้ยงม้ากันอยู่บริเวณนี้ เมืองคัปปาโดเกีย ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1985 ได้ขึ้นทะเบียนเมืองใต้ดินแห่งเมืองคัปปาโดเกียเป็นสถานที่มรดกโลกอีกด้วย
ที่พัก Hotel Kral, Cappadocia ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่ามาตรฐานตุรเคีย
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (1)
สำหรับการขึ้นบอลลูนเป็นไฮไลท์ของเมืองคัปปาโดเกียและจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก ให้ท่านได้อิสระหากท่านใดสนใจขึ้นบอลลูน และกิจกรรมอื่นๆ รายละเอียดดังนี้ กิจกรรมเสริมพิเศษนี้ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ (Optional Tour)
บอลลูนทัวร์ (Balloon Tour) สำหรับท่านที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โปรแกรมเสริมพิเศษ จำเป็นต้องออกจากโรงแรมประมาณ 04.30 – 05.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับไปขึ้นบอลลูน เพื่อชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมไปขึ้นบอลลูน ประมาณ 30 – 45 นาที อยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขึ้นบอลลูน ท่านละ ประมาณ 280 – 300 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน
รถจี๊ปทัวร์ (Jeep Tour) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็กสามารถตะลุยไปได้ ใช้เวลาอยู่บนรถจี๊ป ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถจี๊ปอยู่ที่ ท่านละ 100 – 150 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน
คำแนะนำ
เนื่องด้วยข้อกำหนดของเวลา ท่านจำเป็นต้องเลือกซื้อแพ็กเกจทัวร์เสริมอย่างใด อย่างหนึ่ง
ท่านที่เมารถ กรุณาทานยาแก้เมารถล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งก่อนออกเดินทาง และควรแจ้งให้หัวหน้าทัวร์ทราบตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง (ตั้งแต่อยู่ประเทศไทย เพื่อเตรียมยาแก้เมารถจากประเทศไป)
กิจกรรมนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง, ตั้งครรภ์ หรือ เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี เข้าร่วมโดยเด็ดขาด กรณีเกิดความเสียหายไม่ว่ากรณีใดๆ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการรับผิดชอบทุกกรณี
สำหรับท่านที่ไม่ร่วมในโปรแกรมเสริมพิเศษ ท่านจำเป็นต้องพักผ่อนรอคณะอยู่ที่โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเกอเรเม (Goreme) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณของเมืองคัปปาโดเกียในตอนกลางของอานาโตเลียประเทศตุรกี เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโรมัน และเป็นสถานที่ที่ชาวคริสเตียนยุคแรกใช้ในการเป็นที่หลบหนีภัยจากการไล่ทำร้ายและสังหารก่อนที่คริสต์ศาสนาจะเป็นของจักรวรรดิ ที่จะเห็นได้จากคริสต์ศาสนถานจำนวนมากมายที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการทอพรม และการผลิตเครื่องเซรามิก ล้ำค่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
นำท่านถ่ายภาพด้านหน้า พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Open Air Museum of Goreme) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1985 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์
นำท่านเข้าชม เมืองใต้ดิน (Underground City) เป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมัน ที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ ภายในมีโซนห้องต่างๆ อาทิ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องหมักไวน์ ห้องประชุม คอกสัตว์ โบสถ์ บ่อน้ำ บางห้องเป็นห้องโถงกว้างว่ากันว่าสามารถจุคนได้มากกว่า 30,000 คน และระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบา เพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงอาจค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้ ควรใช้ความระมัดระวังในการรับลงไปชมเมืองใต้ดินแห่งนี้
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น (2) พิเศษ…เคบับต้นตำรับ
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าเยี่ยมชม โรงงานเซรามิก (Ceramic Factory) และโรงงานเครื่องประดับ (Jewelry Factory) เพื่อให้ท่านได้ชมการสาธิตกรรมวิธีการผลิตสินค้าพื้นเมืองทีมีคุณภาพและชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้า
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หุบเขานกพิราบ (Pigeon Valley) เป็นหน้าผาที่ชาวเมืองโบราณได้ขุดเจาะเป็นรู เพื่อให้นกพิราบเข้าไปทำรังอาศัยอยู่ เนื่องจากสมัยก่อนชาวเมืองใช้นกพิราบมีหน้าที่เป็นผู้ส่งสารสำคัญในแถบละแวกนั้น และยังเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วย นำท่านเดินทางสู่ หุบเขาอุชิซาร์ (Uchisar Valley)ให้ท่านได้ถ่ายภาพด้านหน้า เป็นหุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาแห่งนี้มีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อยู่อาศัย อุชิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุชิซาร์ มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม (3) พิเศษ…ชมการแสดงพื้นเมือง โชว์ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) เป็นการโชว์เต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งของชาวตุรกี นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องนี้ไว้ให้มีมาจนถึงปัจจุบัน
ที่พัก Hotel Kral, Cappadocia ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่ามาตรฐานตุรเคีย
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (4)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนยา (Konya) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก เป็นชื่อของอาณาจักรเก่าแก่ ซึ่งเคยมีอำนาจรุ่งเรืองสุดขีดในดินแดนอนาโตเลียของตุรเคียโบราณ เมื่อราวปี ค.ศ. 1087 – 1194 กินเนื้อที่กว่า 3,900,000 ตารางกิโลเมตร ระหว่างทางนำท่านแวะถ่ายภาพ ที่พักคาราวานซาราย (Caravanserai) เป็นสถานที่พักแรกของกองคาราวานในสมัยโบราณตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์เมฟลานา (Mevlana Museum) และเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งภายนอกเป็นหอทรงกระบอกสีเขียว ภายในประดับตกแต่งแบบชาวมุสลิม จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของท่านเมฟลานา และยังเป็นสุสานสำหรับบิดาและบุตรของท่านเมฟลานาอีกด้วย จากนั้นนำท่านชม โรงงานคอตตอน (Cotton Textile Factory Outlet) สามารถเลือกซื้อของฝากเช่น ผ้าพันคอ ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้าเป็นสินค้าที่ผลิตด้วยคอตตอน100%
เที่ยง บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (5)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล (Pamukkale) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนไหลลงสู่หน้าผา จนเกิดผลึกกึ่งสถาปัตยกรรมสีขาวขึ้น
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม (6)
ที่พัก Lycus River Thermal, Pamukkale ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่ามาตรฐานตุรเคีย
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (7)
นำท่านเข้าชม ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) ปามุคแปลว่าฝ้าย คาเลแปลว่าปราสาท เป็นน้ำตกสีขาวโพลน ลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นส่งประกายสะท้อนกับแสงแดดระยิบระยับ บนหน้าผา โตรกเขา สีขาวบริสุทธิ์ของแร่แคลเซียมที่เกาะตัวอยู่บนเนินเขา ลดหลั่นลงมาดังป้อมปราการเกิดจากน้ำพุร้อนที่มีแร่แคลเซียมคาร์บอเนตผสมอยู่เป็นจำนวนมากในธรรมชาติ เมื่อน้ำแร่ไหลไปตามพื้นหิน แคลเซียมจะเกาะตัวติดอยู่กับหิน ส่วนคาร์บอนเนตจะแปรสภาพกลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์แยกตัวไป นานๆ เข้าแคลเซียมขาวจะเกาะเต็มพื้นหินบนภูเขาจนมองไม่เห็นพื้นหิน พื้นดิน รูปร่างจะเปลี่ยนไปตามรูปร่างของพื้นหินที่เกาะอยู่เป็นรูปทรงต่างๆ แปลกตา แลดูเหมือนกับแอ่งน้ำบนสวรรค์ หรือฉากในดินแดนแห่งเทพนิยาย
จนทำให้ปามุคคาเลและเมืองเฮียราโพลิสได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988 ภายในบริเวณเดียวกันนี้ยังเป็น เมืองโบราณเฮียราโพลิส (Hierapolis) เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อน ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลง เหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไปบางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไร อาทิ โรงละคร แอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1988
เที่ยง บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (8)
ท่านเดินทางสู่ เมืองเอฟฟิซุส (Ephesus) เป็นเมืองกรีกโบราณที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของอานาโตเลียในจังหวัดอิซมีร์ในประเทศตุรเคียปัจจุบัน นำท่านถ่ายรูปกับ สุเหร่าอีซาเบย์ (Isa Bey Mosque) สร้างระหว่างปี 1374– 1375 และเป็นหนึ่งในมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุด งดงามด้วยสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของคาบสมุทรอนาโตเลีย รูปแบบของสุเหร่ามจาก มหาสุเหร่าแห่งดามัสกัส Great Mosque of Damascus ในซีเรีย
นำท่านชม มหาวิหารเทพีอาร์เทมิส (Artemis Temple) ตั้งอยู่ในเมืองเจราช สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 150 โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีบรวงสรวง และพิธีบูชายัญแด่เทพีอาร์เทมิสซึ่งเป็นเทพีประจำเมืองเจราช วิหารแห่งนี้เคยได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วครั้งหนึ่งโดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเนื่องจากถูกเพลิงไหม้เสียหาย จนกระทั่งปัจจุบันความสวยงามของมหาวิหารนี้ได้เสื่อมสลายไปเหลือไว้แต่ซากเสาเพียงเท่านั้น นำท่านชม โรงงานผลิตเครื่องหนัง (Leather Outlet) ซึ่งประเทศตุรเคียเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก ทั้งยังผลิตเสื้อหนังให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี อาทิ Versace, Prada, Michael Kors อีกด้วย อิสระให้ท่านเลือกชมผลิตภัณฑ์จากเครื่องหนังและสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ร้านเตอร์กิช ดีไลท์ (Turkish Delight Shop) คือขนมหวานขึ้นชื่อของประเทศตุรเคีย ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกกันว่าโลคุม (Lokum) เป็นขนมหวานทรงลูกเต๋าที่ประกอบขึ้นจากแป้งและน้ำตาล มักจะมีอัลมอนด์ วอลนัท ถั่วพิสตาชิโอ และแมคคาเดเมียผสมเข้าไปด้วย โดยส่วนมาก หน้าตาจะมีสีชมพูเข้ม แต่ก็ดูจางลงไปทันทีเมื่อเสิร์ฟกับน้ำตาลไอซิ่งที่คลุกเคล้าประหนึ่งแป้งฝุ่น มีรสหวาน สอดแทรกด้วยความกรอบและมันของถั่วคุณภาพดี ชาวตุรกีนิยมทานคู่กับชาร้อน หรือ ชากลิ่นแอปเปิ้ล นำท่านเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซี (Kusadasi) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที) เมืองท่าเลียบชายฝั่งทะเลของประเทศตุรเคีย ในอดีตเมืองนี้เป็นเหมือนท่าเรือขนส่งสินค้า เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงส่งออกทั่วโลก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม (9)
ที่พัก Faustina Hotel, Kusadasi ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่ามาตรฐานตุรเคีย
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (10)
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองชานัคคาเล (Canakkale) ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ (Bogazi) หรือ เฮลเลสปอนด์ (Hellespont) มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตรเนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดะเนลส์ ใกล้กับ แหลมเกลิโบลูของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือ ทะเลมาร์มารา และ ทะเลอีเจียนซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลมาร์มาราตัดกับทะเลอีเจียน เป็นที่ตั้งของเมืองทรอย นำท่าน นั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นชมความสวยงามของเมืองโบราณเปอร์กามัน (Cable Car to Pergamon) ตั้งตระหง่านอยู่เหนือตัวเมืองชานัคคาเล กว่า 1,000 ฟุต ในบริเวณอะนาโตเลียห่างจากทะเลอีเจียนประมาณ 30 ก.ม. ทางด้านเหนือของแม่น้ำไคซูส ซึ่งเป็นเมืองโบราณของกรีกที่มีความสำคัญของพวกเฮเลนนิสติก ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2014 ซึ่งมีสถานที่สำคัญแต่โบราณกาล คือ วิหารอะโครโปลิส (Acropolis) ซึ่งเป็นที่ขนานนามถึงประหนึ่งดังดินแดนแห่งเทพนิยายในสรวงสวรรค์ บริเวณเดียวกัน คือ วิหารโอลิมเปียน เซอุส (Naos tou Olimpiou Dios – Olympieion) ปัจจุบันนี้เหลือแต่ส่วนฐานเท่านั้น แท่นบูชาถูกนำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์เปอร์กามัมที่เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน
ชม โรงละครอะโครโปลิส (Theater of Acropolis) เป็นโรงละครที่ชันที่สุดในโลกตั้งอยู่ในทำเลที่สวยงามที่สุด จุผู้ชมได้มากถึง 10,000 คน อะโครโปลิสแปลว่า นครบนที่สูง ซึ่งเป็นโครงสร้างฐานในการป้องกันเมืองของอาณาจักรกรีกและโรมัน ซึ่งผู้ตั้งถิ่นฐานในสมัยนั้นมักเลือกที่สูง มักเป็นเนินเขาที่ด้านหนึ่งเป็นผาชัน และกลายเป็นศูนย์กลางของมหานครใหญ่ ที่เติบโตรุ่งเรืองอยู่บนที่ราบเบื้องล่างที่รายล้อมป้อมปราการเหล่านี้
เที่ยง บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (11)
นำท่านสู่ อุทยานแห่งชาติทรอย (Troy National Park) เป็นโบราณสถานที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งชองโลกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี ภายในอุทยานนำท่านชม
ม้าไม้โทรจันหรือม้าไม้จำลองเมืองทรอย (Trojan Horse) เป็นม้าไม้ที่สร้างจำลองจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ ที่ชาวกรีกใช้อุบายส่งม้าไม้ให้เมืองทรอยเพื่อเป็นของกำนัล แต่ความจริงแอบบรรจุคนมาในม้าไม้เพื่อเข้ามาเปิดประตูเมืองทรอย ให้ทหารเข้ามาตีตัวเมืองจนทำให้เมืองทรอยล้มสลาย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลการศึกของนักรบโบราณ
หลังจากนั้นนำท่านชมและถ่ายภาพ ม้าไม้จำลองเมืองทรอยริมทะเล (Trojan Statue/Hollywood Horse) เป็นม้าไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดจากมหากาพย์ภาพยนตร์ฮอลิวูดเรื่อง ทรอย (Troy) ในปี 2004 มีแบรด พิตต์ แสดงชื่อดังระดับโลกเป็นนักแสดงนำ ทางทีมงานได้จำลองม้าไม้ขนาดใหญ่สีดำ เพื่อใช้ดำเนินเรื่องและเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของเรื่องทรอย หลังจากนั้นทางทีมงานจึงมอบม้าไม้จำลองตัวนี้ให้กับทางการตุรกี เพื่อเป็นเกียรติและสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองชานัคคาเลอีกด้วย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม (12)
ที่พัก Iris Hotel, Canakkale ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่ามาตรฐานตุรเคีย
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (13)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล (Istanbul) เป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดของประเทศตุรกี มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษตั้งแต่ก่อนคริสตกาล มีทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) สถาปัตยกรรมอันงดงามผสมผสานทั้ง 2 ทวีป ทำให้เมืองอิสตันบูลมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์พิเศษ อีกทั้งพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งอิสตันบูล ฝั่งทวีปยุโรป ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ค. 1986 นำท่านเข้าชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) หรือชื่อเดิมสุเหร่าสุลต่านอาห์เหม็ดที่ 1 (Sultan Ahmed Mosque) สุเหร่านี้สร้างในปี ค.ศ. 1609 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1616 (1 ปีก่อนสุลต่านอาห์เหม็ดสิ้นพระชนม์ด้วยอายุเพียง 27 พรรษา) มีหอเรียกสวดอยู่ 6 หอ เป็นหอคอยสูงให้ผู้นำศาสนาขึ้นไปตะโกนร้องเรียกจากยอด
เพื่อให้ผู้คนเข้ามาสวดมนต์ตามเวลาในสุเหร่า สุเหร่าสีน้ำเงินภายในประดับด้วยกระเบื้องสีฟ้าจากอิซนิค ลวดลายเป็นดอกไม้ต่างๆ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น เป็นต้น ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ภายในมีที่ให้สุลต่านและนางในฮาเร็มทำละหมาดและสวดมนต์โดยเฉพาะ มีหน้าต่าง 260 บาน สนามด้านหน้าและด้านนอกจะเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และพระราชวงค์ จะมีสิ่งก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไป เช่น ห้องสมุด โรงพยาบาล โรงอาบน้ำ ที่พักกองคาราวาน นำท่านถ่ายภาพกับ ฮิปโปโดรม (Hippodrome) คือสิ่งก่อสร้างจากสมัยกรีกซึ่งใช้เป็นสนามแข่งม้า และการแข่งขันขับรถศึก (Chariot Racing) หมายถึงการแข่งขันม้าใจกลางเมืองมอสโคว์ (Central Moscow Hippodrome) สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 203 – 330 แต่ปัจจุบันเหลือเพียง เสา 3 ต้น คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7 (Column of Constantine VII) บูรณะเมื่อศตวรรษที่ 10 เสาต้นที่ 2 คือ เสางู ที่เชื่อว่าสร้างก่อนคริสตกาลมา 479 ปี เป็นรูปสลักงู 3 ตัวพันกัน จากเมืองเดลฟิ (Delphi) แล้วถูกขนย้ายมาตั้งที่นี่เมื่อ ศตวรรษที่ 4 ปัจจุบันเหลือเพียงครึ่งต้น และเสาต้นสุดท้ายคือ เสา อียิปต์ หรือเสาโอเบลิสก์ (Obelisk of Thutmose) สร้างในช่วงก่อนคริสตกาลประมาณ 390 ปี
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านนอก วิหารฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) หรือ วิหารเซนต์โซเฟีย (St.Sophia) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางเป็นโบสถ์คาทอลิก สร้างในสมัยพระเจ้าจัสติเนียน มีหลังคาเป็นยอดกลมแบบโดม เสาในโบสถ์เป็นหินก้อน หลังทางการได้ตกลงให้วิหารฮาเกีย โซเฟีย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่วันนี้คงบรรยากาศของความเก่าขลังอยู่เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะโดมที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกซึ่งมีพื้นที่โล่งภายในใหญ่ที่สุด ก่อสร้างด้วยการใช้ผนังเป็นตัวรับน้ำหนักของอาคารลงสู่พื้นแทนการใช้เสาค้ำยันทั่วไป และวิหารฮาเกีย โซเฟีย ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง
เที่ยง บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (14)
นำท่านช้อปปิ้งที่ สไปซ์มาเก็ต (Spice Market) หรือ ตลาดอียิปต์ (Egyptian Bazaar) เป็นตลาดเครื่องเทศตั้งอยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา ที่นี่ถือเป็นตลาดในร่มและเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1660 โดยเป็นส่วนหนึ่งของมัสยิดใหม่ ภายในตลาดยังมีสินค้ามากมายให้ได้เลือกซื้อ อาทิ อาหาร, เครื่องเทศ, ขนมหวานของตุรกี, เครื่องเพชรพลอย, ของที่ระลึก, ผลไม้แห้ง และเครื่องประดับต่างๆ อีกด้วย
นำท่านถ่ายภาพด้านหน้า หอคอยกาลาตา (Galata Tower) หอคอยหินสไตล์โรมัน แบบสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ ตัวตึกประกอบด้วย 9 ชั้น มีรูปทรงกระบอก และมีหลังคาเป็นทรงกรวย อีกหนึ่งสัญลักษณ์เมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1348 เพื่อไว้เป็นหอสังเกตการณ์ป้องกันข้าศึกจากทางทะเลปัจจุบันชั้นบนเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมทัศนียภาพของเมือง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กาลาตาพอร์ต (Galataport) ศูนย์การค้า, ศูนย์กลางศิลปะและวัฒนธรรมแห่งใหม่ของเมืองอิสตันบูล ทั้งนี้ยังเป็นเป็นท่าเรือสำราญระดับโลกและเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการล่องเรือชั้นนำในเส้นทางเดินเรือยุโรปอีกด้วย ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าตั้งแต่ สินค้า D.I.Y สินค้าท้องถิ่น จนถึงร้านค้าแบรนด์เนมต่างๆ ทั้งนี้ยังมีร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม คาเฟ่ หรือให้ท่านได้เก็บภาพบรรยากาศมุมถ่ายภาพโมเดิลต่างๆ ตามอัธยาศัย อิสระช้อปปิ้งที่ จัตุรัสทักซิมสแควร์ (Taksim Square) ถนนสายนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองอิสตันบูล มีร้านค้ามากมาย ตั้งแต่ของที่ระลึก, ร้านอาหารพื้นเมือง และยังมีแทรมป์โบราณ (Tram) เรียกได้ว่าที่แห่งนี้เป็นจุดนัดพบยอดนิยมของชาวเมืองอิสตันบูล
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (15)
ที่พัก Gonen Hotel, Istanbul ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่ามาตรฐานตุรเคีย
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (16)
นำท่าน ล่องเรือชมความสวยงามของช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (The Black Sea) กับทะเลมาร์มารา (Sea of Marmara) โดยมีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตรความกว้าง เริ่มตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 กิโลเมตร ช่องแคบนี้ถือว่าเป็นจุดบรรจบกันของสุดขอบทวีปยุโรปและสุดขอบทวีปเอเชีย ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทัศนีย์ภาพอันสวยงามของริมฝั่งช่องแคบแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาห์เชหรือบ้านเรือสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐีแห่งประเทศตุรเคีย
นำท่านเช้าชม เทศกาลดอกทิวลิป (Emirgan Park) ให้ท่านเพลิดเพลินกับดอกทิวลิปนับพันล้านดอกใน 120 สายพันธุ์ที่ผลิบาน รวมถึงกิจกรรมด้านวัฒนธรรมและศิลปะต่างๆ ที่จัดขึ้นในสวนสาธารณะเอมีร์แกน รวมถึงด้านหน้าสุเหร่าสีน้ำเงิน และจัดขึ้นทั่วเมืองอิสตันบูล เป็นช่วงเทศกาลอันอบอวลไปด้วยความโรแมนติก และความงดงามของสีสันอันมาจากธรรมชาติ เทศกาลนี้จัดขึ้นช่วงมีนาคมถึงเดือนเมษายนของทุกปี เพื่อต้องการแสดงความเป็นต้นกำเนิดของดอกทิวลิปแท้ๆ โดยมีตำนานเล่าขานกันว่าเมื่อ 300 ปีก่อน มีท่านทูตแห่งตุรกีได้นำดอกทิวลิปมอบให้กับทูตเวียนนา เพื่อนำไปปลูกที่ประเทศออสเตรีย แต่มีชาวสวนดัตช์ในออสเตรียนำดอกทิวลิปไปปลูกที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และต่อๆ มาดอกทิวลิปก็แพร่กระจายไปทั่วโลก และในทุกๆ ปีภายในเทศกาลสวนดอกทิวลิปมีการตกแต่งและจัดสวนดอกทิวลิปที่เบ่งบานพร้อมกันเป็นภาพที่งดงามมาก เหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นที่สุด
หมายเหตุ : ในช่วงประมาณเดือนเมษายนของทุกปี เป็นช่วงที่ดอกทิวลิปเบ่งบานเต็มที่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในปีนั้นๆ
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย
16.25 นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK058 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
06.05 เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ
279 ซอยเจริญนคร 60 ถนนเจริญนคร แขวงสำเหร่ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ 10600