วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ | |
---|---|---|---|---|
17 ม.ค. 68 - 25 ม.ค. 68 | 69,999 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
07 ก.พ. 68 - 15 ก.พ. 68 | 69,999 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
14 ก.พ. 68 - 22 ก.พ. 68 | 69,999 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
07 มี.ค. 68 - 15 มี.ค. 68 | 69,999 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
14 มี.ค. 68 - 22 มี.ค. 68 | 69,999 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
21 มี.ค. 68 - 29 มี.ค. 68 | 69,999 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
04 เม.ย. 68 - 12 เม.ย. 68 | 69,999 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
11 เม.ย. 68 - 19 เม.ย. 68 | 72,890 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
17 ต.ค. 68 - 25 ต.ค. 68 | 69,999 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
24 ต.ค. 68 - 01 พ.ย. 68 | 69,999 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
07 พ.ย. 68 - 15 พ.ย. 68 | 69,999 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
14 พ.ย. 68 - 22 พ.ย. 68 | 69,999 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
28 พ.ย. 68 - 06 ธ.ค. 68 | 69,999 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
05 ธ.ค. 68 - 13 ธ.ค. 68 | 69,999 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
26 ธ.ค. 68 - 03 ม.ค. 69 | 72,890 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
16.00 น. ทุกท่านพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นผู้โดยสารขาออกต่างประเทศ ชั้น 4 ทางเข้าที่ 4 เคาน์เตอร์สายการบินไทย Row H พบกับเจ้าหน้าที่จะคอยดูแลและอำนวยความสะดวก
19.00 น. ออกเดินทางไปยัง เมืองการาจี ประเทศปากีสถาน ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 341 ใช้เวลาในการเดินทาง 5 ชั่วโมง
22.00 น. เดินทางถึง สนามบินจินนาห์ (Jinnah International Airport) ประเทศปากีสถาน
เมืองการาจี (Karachi) ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศติดกับทะเลอาหรับ ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของปากีสถาน เป็นเมืองหลักของแคว้นสินธุ์ นครนี้เป็นศูนย์กลางทางการเงินและอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ เมืองการาจียังเป็นนครที่มีความเป็นสากล ความหลากหลายทางภาษา เชื้อชาติ และศาสนามากที่สุดของประเทศปากีสถานและเป็นหนึ่งในนครที่มีเสรีภาพทางสังคมและโลกนิยมมากที่สุดของประเทศ
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Avari tower 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติการาจี (National Museum Karachi) ก่อตั้งขึ้นใน Frere Hall เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2493 แทนที่พิพิธภัณฑ์วิกตอเรียที่เลิกใช้งานแล้ว Frere Hall สร้าง ขึ้นในปี 1865 เพื่อเป็นเกียรติแก่ Sir Bartle Frere ผู้บัญชาการแห่ง Sind ในช่วงศตวรรษที่ 19 นำท่านชมสุสาน Chaukhandi ตั้งอยู่ที่ชานเมืองการาจี เป็นที่รู้จักจากงานแกะสลักหินที่วิจิตรตระการตา เป็นสถานที่ฝังศพของชนเผ่า JOKHIO และ BALOCH สร้างขึ้น ในช่วงรัชสมัยของราชวงศ์โมกุล (คริสต์ ศตวรรษที่ 15–18) สถาปัตยกรรมของสุสานทั้งหมดสร้างขึ้น โดยหินทรายที่มีการแกะสลักอย่างประณีตและงดงาม
นำท่านชมเมืองทัตตา (Thatta) เป็นเมืองที่ชาวปากีสถานเชื่อว่าเป็นสถานที่ต้นกำเนิดของศาสนาฮินดู นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ตั้งของมหาสุสานเมกลี (MAKI NECROPOLIS) ซึ่งประกอบไปด้วยอนุสาวรีย์หลากหลายรูปแบบตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 – 18
จากนั้นชม มัสยิดชาร์ห จาฮาน (Shah Jahan Mosque) สร้างขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1647 และเสร็จสิ้นในปี คริสต์ศักราช 1659 ในช่วงรัชสมัยของราชวงศ์โมกุล ก่อสร้างโดยใช้สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างเอเชียกลางและอิหร่าน ประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกที่มีความละเอียดที่สุดในเอเชียใต้
กลางวัน บริการอาหารกลาง ณ ภัตตาคาร
เดินทางสู่เมืองไฮเดอราบัด (HYDERABAD) เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของแคว้น และมีประชากรมากเป็นอันดับ 8 ของปากีสถาน เมืองสร้างโดยเมียน กูลัม ชาห์ กัลโฮรา แห่งราชวงศ์กัลโฮรา เมื่อปี ค.ศ.1768 ได้เป็นเมืองหลวงของแคว้นสินธ์จนกระทั่งตกเป็นของอังกฤษในปี 1843 จึงได้เปลี่ยนเมืองหลวงมาเป็นการาจี
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Indus Hotel 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม ป้อมโกด ดิจิ (KOT DIJI FORT) สร้างขึ้นเมื่อปลาย ศตวรรษที่ 18 ทา ให้ได้เห็นความสืบเนื่อง ของการใช้อิฐก่อสร้างสถาปัตยกรรมที่แข็งแรงใหญ่โต
กลางวัน บริการอาหารกลาง ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซักเกอร์ (Sukkur) เป็นเมืองในจังหวัดสินธุของปากีสถาน ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสินธุ ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุเป็นเมืองเกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอินทผาลัมที่มีชื่อเสียงมานับร้อยปี ชื่อ Sukkur อาจมาจากคำภาษาอาหรับที่แปลว่า "น้ำตาล" ชัคการ์ เดิมเมืองนี้มีทุ่งอ้อยที่เคยอุดมสมบูรณ์ในภูมิภาคนี้ในอดีต
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel One 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่เมืองโมเฮนโจดาโร (Mohenjo-Daro) คืออารยะธรรมที่สาบสูญในอินเดีย ถูกสร้างในศตวรรษที่ 26 ก่อนคริสตกาล โดยเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุโบราณ ที่รู้จักกันในชื่อ อารยธรรมฮารัปปา ซึ่งพัฒนาประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วงสูงสุด อารยธรรมสินธุขยายไปไกลทั่วปากีสถานและอินเดีย โดยฝั่งตะวันตกถึงชายแดนประเทศอิหร่าน ทางใต้ถึงรัฐคุชราตของอินเดีย และทางเหนือถึงด่านนอกที่แบกเตรีย ที่มีใจกลางเมืองที่สำคัญอยู่ที่ฮารัปปา, โมเฮนโจ-ดาโร, โลธาล, คาลิบันกาน, โฑลาวีระ (Dholavira) และราคิการ์ฮี (Rakhigarhi) โมเฮนโจ-ดาโรเป็นเมืองที่พัฒนาที่สุดในเวลานั้น
กลางวัน บริการอาหารกลาง ณ ภัตตาคาร
นำท่านชมโบราณสถานมรดกโลกเมืองโมเฮนโจ ดาโร (Mohenjo-Daro) เคยเป็นหนึ่งในมหานครที่เก่าแก่ที่สุดในยุคสัมฤทธิ์ (Bronze age) และหนึ่งในเมืองยุคแรกสุดของโลก คู่กับอารยธรรมอียิปต์โบราณ, เมโสโปเตเมีย, ไมนอส และการัล และโบราณสถานแห่งนี้ มีการวางแผนผังเมืองที่เป็นระเบียบและมีความทันสมัยมีระบบระเบียบ มีระบบท่อระบายน้ำ มีสระขนาดใหญ่ภายใต้ตึก 3 ชั้น มีสระอาบน้ำสาธารณะ เมื่ออารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุสิ้นสุดลง โมเฮนโจ-ดาโร ก็ถูกทิ้งไปในศตวรรษที่ 19 ก่อนคริสตกาล จนกระทั่งคริสทศวรรษที่ 1920 และกลายเป็นมรดกโลกของยูเนสโกใน ค.ศ. 1980
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Indus Hotel 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชมสุสานของบีบี จาวินดี (Tomb of Bibi Jawindi) เป็นโบราณสถานในทางตะวันตกเฉียงใต้ของ เมืองอูจชารีฟ อดีตนครเก่าแก่ที่ตั้งขึ้นโดยอะเล็กซานเดอร์มหาราช แคว้นปัญจาบ ประเทศปากีสถาน ปัจจุบันอยู่ในรายชื่อแหล่งมรดกโลกเบื้องต้นของยูเนสโก และเป็นศาลเจ้าในศาสนาอิสลามนิกายซูฟี สร้างขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 มักบะรา (ที่ไว้ศพ) นี้สร้างขึ้นด้วยอิฐเคลือบกระเบื้องบนฐานรูปแปดเหลี่ยม มักบะเรบีบีจาวินดีถือเป็นโบราณสถานที่ประดับประดาอย่างงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในอูจชารีฟ
กลางวัน บริการอาหารกลาง ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองบาฮาวัลปูร์ (Bahawalpul) เป็นเมืองสำคัญทางตอนใต้ของแคว้นปัญจาบ มีชื่อเสียงในด้านมรดกทางวัฒนธรรมและสถาบันการศึกษา ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของรัฐพหวัลปูร์ในอดีต ซึ่งก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีบาฮาวัลข่าน อับบาซีที่ 2 สิ่งนี้ยังคงเป็นรัฐอิสระมานานกว่า 200 ปี ในช่วงการปกครองของมหาเศรษฐีคนสุดท้าย เซอร์ ซาดิก มูฮัมหมัด ข่าน อับบาซีที่ 5 รัฐได้เข้าร่วมกับปากีสถานเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2490 และรวมเข้ากับรัฐปัญจาบเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2497 ในสมัยโบราณ Bahawalpur เป็นเมืองแห่งพระราชวัง มีพระราชวังที่สวยงามหลายแห่งเช่น Noor Mahal, Gulzar Mahal, Darbar Mahal และ Sadiq Garh Palace และทั้งนี้ตั้งอยู่ที่ชายขอบของทะเลทราย Cholistan มีอุทยานแห่งชาติ Lal Suhanra
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel One 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่าน ขี่อูฐชมป้อมเดราวาร์ (Derawar Fort) ป้อมปราการขนาดใหญ่แห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 9 โดย Rai Jajja Bhatti ผู้ปกครองเผ่าฮินดูแห่งตระกูล Bhatti เพื่อเป็นเครื่องบรรณาการให้กับกษัตริย์ Jaisalmer และ Bahawalpur โดยตอนแรกมีชื่อว่าป้อม “เดรา ราวัล” ต่อมาถูกเรียกว่า “เดรา ราวาร์” และรวบคำเป็น “เดราวาร์” จนถึงปัจจุบัน ต่อมาในศตวรรษที่ 18 ป้อมเดราวาร์ถูกยึดโดยกลุ่มคนมุสลิมและมีการสร้างในรูปแบบใหม่จนมีหน้าตาเหมือนในปัจจุบันนี้ โดยกำแพงป้อมมีความยาวประมาณ 1,500 เมตร และความสูงประมาณ 30 เมตร มีลักษณะเป็นหอคอยโค้งคล้ายทรงกระบอกสร้างขึ้นจากก้อนอิฐ มีจำนวนทั้งหมด 40 ป้อม ตั้งเรียงกัน
กลางวัน บริการอาหารกลาง ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองมูลตาน (MULTAN) เมืองมูลตานได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองแห่ง นักบุญหรือเมืองแห่ง นักบวชมุสลิม มีชื่อเสียงสำหรับประวัติศาสตร์ทางศาสนาที่ยาวนานอย่างเหลือเชื่อ ท้องถนนเรียงรายไปด้วยปูชนียสถานและสุสานโบราณต่างๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อ อุทิศให้แก่วีรบุรุษในตา นานและบุคคลสำคัญทาง ศาสนา นำท่านชม สุสานเรชาห์รุกเนอาลัม (Tomb of Shah Rukn-e-Alam) เป็นที่ไว้ศพและศาลเจ้าในศาสนาอิสลามนิกายซูฟี ตั้งอยู่ในเมืองมุลตาน ประเทศปากีสถาน เป็นที่ไว้ศพสันตะของซูฟี เชคห์ รุกเนอูดดีน อาบูล ฟาเตห์ สถาปัตยกรรมที่ใช้ก่อสร้างมักบะรา นี้ ถือเป็นตัวอย่างชิ้นแรก ๆ ของสถาปัตยกรรมตุฆลุก ในยุคก่อนการเข้ามาของสถาปัตยกรรมโมกุล และหนึ่งในศาลเจ้าซูฟีที่งดงามที่สุดในอนุทวีปอินเดียมีศาสนิกชนจาริกมายังที่นี่มากกว่า 100,000 คนทุก ๆ ปีระหว่างเทศกาลประจำปี อูร์ส ซึ่งจัดขึ้นเพื่อระลึกถึงมรณกาลของท่าน
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel One 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณฮารัปปา มรดกโลก (HARAPPA) เป็นเมืองโบราณยุค 5-7 พันปีก่อน คริสตกาล ซึ่งเป็นยุคเดียวกับอารยธรรมเมโสโปเตเมียและอียิปต์ ลักษณะเป็นเมืองสร้างจากดินเหนียวบนเนินสูงและมีกำแพงล้อมรอบ ฮารัปปาเป็นแหล่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุที่มีอายุ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล มันเป็นโบราณสถานในปัญจาบ สถานที่นี้ตั้งชื่อมาจากหมู่บ้านสมัยใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางเดิมของแม่น้ำราวี จากนั้นนำท่านชม พิพิธภัณฑ์ฮารัปปา (HARAPPA MUSEUM) ซึ่งรวบรวมโบราณวัตถุส่วนหนึ่งที่ขุดค้นพบจากเมืองโบราณฮารัปปา
กลางวัน บริการอาหารกลาง ณ ภัตตาคาร
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองลาฮอร์ (Lahore) เป็นเมืองหลวงและมหานคร ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ โดยแม่น้ำราวีเป็นสายน้ำหลักหล่อเลี้ยง เป็นเมืองใหญ่อันดับ 5 ของภูมิภาคเอเชียใต้ อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นปัญจาบ ใกล้กับชายแดนรัฐปัญจาบของอินเดีย ทั้งเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของภูมิภาคปัญจาบ และเป็นหนึ่งในเมืองที่มีเสรีนิยมก้าวหน้าและเป็นสากลมากที่สุดในปากีสถาน และเคยเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิโมกุลอันยิ่งใหญ่ ที่มีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าอักบาร์มหาราช จักรพรรดิชาห์ชะฮัน และออรังเซพผู้มั่งคั่งซึ่งต่างเคยพำนักอยู่ที่นี่เดิมเคยอยู่และเคยภายใต้การปกครองของจักรวรรดิอังกฤษ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Four Points Sheraton Hotel 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม ป้อมลาฮอร์ (Lahore Fortress) ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี 1981 ป้อมลาฮอร์เป็นพระราชวังโบราณสร้างโดยจักรพรรดิอักบาร์ (Akbar The Great) ในระหว่างปี 2099-2149 เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่สามารถเห็นความแตกต่างของสถาปัตยกรรมโมกุล ในแต่ละยุคสมัยของผู้ปกครองที่ได้สร้างต่อเติมมาเรื่อย ๆ นำท่านเข้าชม มัสยิดบัดชาอิ (Badshahi Mosque) ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหน้าเป็นลานกว้างที่จุคนได้ราวห้าหมื่นคนและมีหอสวดมนต์ที่จุคนได้ราวสองพันคน มัสยิดแห่งนี้เคยถูกปล่อยให้รกร้างเกือบ 100 ปี และได้รับการบูรณะกลับมาใหม่ในปี ค.ศ.1960
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ภัตตาคาร
นำท่านชม พิพิธภัณฑ์แห่งลาฮอร์ (LAHORE MUSEUM) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศปากีสถาน สิ่งของทางประวัติศาสตร์ที่มีค่ามากมายได้ถูกแสดงไว้ ซึ่งมีห้องแสดงหลายห้อง จากโบราณวัตถุในพุทธศาสนาสมัยคันธาระ (GANDHARA) พระพุทธรูปสำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุด คือพระพุทธรูปปางทุกรกิริยาของพระพุทธเจ้า ซึ่งถูกแสดงอยู่ที่นี่รวมถึง โบราณวัตถุในศาสนาเชน (JAIN) โมกุล (MUGHAL) และสมัยอาณานิคม นำท่านชม สวนชาลิมาร์ (SHALIMAR GARDEN) เป็นกลุ่มสวนเปอร์เซีย เริ่มสร้างในปี ค.ศ.1637 และสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1641 ควบคุมการสร้างโดยคาลิลุเลาะห์ ข่าน ขุนนางในราชสา นักจักรพรรดชิาห์จะฮานแห่งจักรวรรดิโมกุล ร่วมกับอาลี มาร์ดาน ข่าน และ มุลละ อะลอล มอล์ก ตูนี แต่เดิมที่ดินที่สร้างสวนเป็นของตระกูลเมียนแห่งเมืองบักบันปุระ ภายหลังจักรพรรดิชาห์จะฮาน พระราชทานพระราชานุญาตให้ตระกูลนี้เป็นผู้ดูแลสวนเป็นการตอบแทนที่ถวายที่ดิน สวนชาลิมาร์อยู่ในการดูแลของตระกูลเมียนนานกว่า 350 ปี จนกระทั่งในปี ค.ศ.1962 โมฮัมหมัด อัยยุบข่าน อดีตประธานาธิบดีปากีสถานประกาศให้สวนชาลิมาร์อยู่ในการดูแลของรัฐ และในปี ค.ศ.1981 สวนชาลิมาร์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมร่วมกับป้อมลาฮอร์ นำท่านสู่บริเวณชายแดนวากาห์ (Wagha Border) ด่านพรมแดนกั้นระหว่างเมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน และเมืองอัตตริ ประเทศอินเดีย ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “กำแพงเบอร์ลินแห่งชมพูทวีป” ชมพิธีสวนสนามปิดด่านอินเดีย-ปากีสถาน (Wagha-Attari Border Ceremony) ซึ่งจะจัดขึ้นในทุกช่วงเย็นประมาณ 16.30 น. ของทุกวัน จนเป็นสัญลักษณ์แห่งการให้เกียรติ “มิตรและศัตรู” ของทั้งสองประเทศ พิธีการนี้จึงเป็นเหมือนสนามประลองขนาดย่อมที่มีไว้เพื่อประชันลีลาและความสง่างามระหว่างกัน โดยทหารปากีสถานแต่งกายในชุดทหารสีดำและสวมหมวกทรงคล้ายพัดสีดำ ส่วนทหารอินเดียจะอยู่ในชุดทหารสีน้ำตาล สวมหมวกทรงคล้ายพัดสีแดง
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
20.00 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติลาฮอร์ เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ
23.45 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 346
06.10 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพและความประทับใจ
เงื่อนไขการให้บริการ
279 ซอยเจริญนคร 60 ถนนเจริญนคร แขวงสำเหร่ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ 10600